Velo Orange Polyvalent Frameset
Velo Orange ผลิตเฟรมรุ่นนี้ครั้งแรกในปี 2009 ด้วยแนวคิดที่จะสร้างเฟรม city bike ที่สามารถนำไปใช้ปั่นเดินทางท่องเที่ยว แบบทัวร์ริ่ง (cyclo-touring) และใช้เดินทางผจญภัยแบบเบาๆ (light trail riding) ได้ด้วย
Polyvalent มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่า general-purpose หรือ ใช้งานได้หลากหลาย

เฟรมเป็นแบบ low trail (39มม.) ด้านการออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากรถจักรยานในประเทศฝรั่งเศส ที่บรรทุกสิ่งของด้านหน้าจักรยาน โมเดลแรกปี 2009 ที่ผลิตจะเป็นสีดำด้าน ในปี 2011 มีการเปลี่ยนแปลงในบางจุดและทำเป็นสีเขียว และเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มในปี 2014
รถรุ่นนี้ใช้ล้อขนาด 650b ซึ่งเป็นขนาดที่ดีที่สุดในการรองรับแรงกระแทกจากสภาพถนนในเมืองใหญ่ที่ไม่ราบเรียบนัก เชื่อว่าหากใครได้ลองจะหลงใหลในความนุ่มนวล สามารถใช้ยางหน้ากว้างได้สูงสุด 44 มม. เมื่อติดตั้งบังโคลน

หางหลังจะเป็นแบบสไลด์ สั้นๆ เพื่อให้ใช้งานกับเกียร์ดุม หรือเกียร์ซิงเกิ้ลสปีด โดยไม่ต้องใช้ตัวดึงโซ่ ถ้าหางสไลด์ยาวมากจะทำให้ถอดล้อได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อติดตั้งบังโคลนอยู่ด้วย
ความกว้างหางหลัง 132.5 มม. สามารถเลือกใช้ดุมได้ทั้งขนาด 130 และ 135 มม.

มีแผ่นโลหะที่เชื่อมระหว่างตะเกียบโซ่ สำหรับติดขาตั้ง หากติดสปริงระหว่างแผ่นโลหะสำหรับขาตั้งและด้านหน้าของบังโคลนล้อหลัง จะช่วยให้สามารถดันบังโคลนไปด้านหน้าเพื่อถอดล้อได้ง่ายขึ้น และจะช่วยรักษาแนวของบังโคลนให้ตรงแนวตลอด

เดิมทีบริเวณท่อล่างจะทำเป็นท่อสวมปลอกสาย แทนที่ยึดสำหรับชิพเตอร์สับถัง เพราะต้องการให้ดูสะอาด โดยเฉพาะเมื่อต้องการใช้เกียร์ซิงเกิ้ลสปีด หรือเกียร์ดุม แต่ในโมเดลที่สองจะเพิ่มตัวยึดเกียร์สับถังไปที่ท่อล่างแทน

ท่อเฟรมทำจากวัสดุโครโมรี่ 4130 ท่อแบบ double butted เชื่อมท่อแบบ TIG welded ตะเกียบเป็นแบบเกลียวขนาด 1 นิ้ว ใช้หลักอานขนาด 27.2 มม รัดสับจานขนาด 28.6 มม.
การเดินสายเบรกหลัง ปลอกสายเบรกจะเดินบนท่อบน แม้จะนั่งทับสายบนท่อก็ไม่ได้รบกวนการทำงานของเบรกแต่อย่างใด และไม่ต้องกลัวว่าสายเบรกจะไปทำให้เกิดรอยบนเฟรม ไม่มีสายเดินใต้ท่อบนทำให้เราสามารถแบกรถขึ้นบนไหล่ได้โดยไม่มีสายมากดให้เจ็บ เมื่อมีความจำเป็นต้องแบกรถขึ้นมาเก็บบนห้องพักในอาคาร หรือในกรณีอื่นๆ

การออกแบบ ตามแบบฉบับรถคลาสสิกของฝรั่งเศส ท่อบนขนานพื้น นิยมขี่แบบเต็มไซส์ เมื่อยืนคร่อม ท่อบนจะต่ำกว่าค่าStand-Over Height เล็กน้อย รถสมัยนั้นมองดูแล้วหลักอานโผล่มาค่อนข้างน้อย ท่อบนที่ยาวกว่าปกติเพื่อรองรับแฮนด์แบบซิตี้ที่ปลายแฮนด์เยื้องกลับมาด้านหลัง ทำให้นั่งสบาย แต่หากต้องการใช้กับแฮนด์หมอบ อาจต้องเลือกเฟรมที่มีขนาดเล็กกว่าปกติหนึ่งไซส์
ในโมเดลปี 2011 Polyvalent V2 ตะเกียบจะถูกแกไขให้โค้งงอมากขึ้น เพิ่มขนาดของท่อล่างให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรับน้ำหนักได้มากขึ้น มีการเพิ่มที่ยึดสับถังบริเวณท่อล่าง และมีรูสำหรับติดตะแกรง เพื่อให้นำไปใช้งานแบบทัวริ่งได้ดียิ่งขึ้น

โมเดลล่าสุดปี 2014 Polyvalent MK3 ตัวถังเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน เพิ่มตำแหน่งยึดขากระติกเป็นสามจุด และตัวรั้งสายเบรกหลัง(cable hanger)พร้อมเพิ่มตัวปรับสาย(adjuster) เข้าไปด้วย
http://velo-orange.blogspot.com/2009/10/size-cm-c-t-t-seat-tube-incl.html
http://velo-orange.blogspot.com/2011/08/new-polyvalent-650b-frame.html
http://velo-orange.blogspot.com/2009/12/polyvalent-frames-arrive.html
Polyvalent มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่า general-purpose หรือ ใช้งานได้หลากหลาย

เฟรมเป็นแบบ low trail (39มม.) ด้านการออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากรถจักรยานในประเทศฝรั่งเศส ที่บรรทุกสิ่งของด้านหน้าจักรยาน โมเดลแรกปี 2009 ที่ผลิตจะเป็นสีดำด้าน ในปี 2011 มีการเปลี่ยนแปลงในบางจุดและทำเป็นสีเขียว และเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มในปี 2014
รถรุ่นนี้ใช้ล้อขนาด 650b ซึ่งเป็นขนาดที่ดีที่สุดในการรองรับแรงกระแทกจากสภาพถนนในเมืองใหญ่ที่ไม่ราบเรียบนัก เชื่อว่าหากใครได้ลองจะหลงใหลในความนุ่มนวล สามารถใช้ยางหน้ากว้างได้สูงสุด 44 มม. เมื่อติดตั้งบังโคลน

หางหลังจะเป็นแบบสไลด์ สั้นๆ เพื่อให้ใช้งานกับเกียร์ดุม หรือเกียร์ซิงเกิ้ลสปีด โดยไม่ต้องใช้ตัวดึงโซ่ ถ้าหางสไลด์ยาวมากจะทำให้ถอดล้อได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อติดตั้งบังโคลนอยู่ด้วย
ความกว้างหางหลัง 132.5 มม. สามารถเลือกใช้ดุมได้ทั้งขนาด 130 และ 135 มม.

มีแผ่นโลหะที่เชื่อมระหว่างตะเกียบโซ่ สำหรับติดขาตั้ง หากติดสปริงระหว่างแผ่นโลหะสำหรับขาตั้งและด้านหน้าของบังโคลนล้อหลัง จะช่วยให้สามารถดันบังโคลนไปด้านหน้าเพื่อถอดล้อได้ง่ายขึ้น และจะช่วยรักษาแนวของบังโคลนให้ตรงแนวตลอด

เดิมทีบริเวณท่อล่างจะทำเป็นท่อสวมปลอกสาย แทนที่ยึดสำหรับชิพเตอร์สับถัง เพราะต้องการให้ดูสะอาด โดยเฉพาะเมื่อต้องการใช้เกียร์ซิงเกิ้ลสปีด หรือเกียร์ดุม แต่ในโมเดลที่สองจะเพิ่มตัวยึดเกียร์สับถังไปที่ท่อล่างแทน

ท่อเฟรมทำจากวัสดุโครโมรี่ 4130 ท่อแบบ double butted เชื่อมท่อแบบ TIG welded ตะเกียบเป็นแบบเกลียวขนาด 1 นิ้ว ใช้หลักอานขนาด 27.2 มม รัดสับจานขนาด 28.6 มม.
การเดินสายเบรกหลัง ปลอกสายเบรกจะเดินบนท่อบน แม้จะนั่งทับสายบนท่อก็ไม่ได้รบกวนการทำงานของเบรกแต่อย่างใด และไม่ต้องกลัวว่าสายเบรกจะไปทำให้เกิดรอยบนเฟรม ไม่มีสายเดินใต้ท่อบนทำให้เราสามารถแบกรถขึ้นบนไหล่ได้โดยไม่มีสายมากดให้เจ็บ เมื่อมีความจำเป็นต้องแบกรถขึ้นมาเก็บบนห้องพักในอาคาร หรือในกรณีอื่นๆ

การออกแบบ ตามแบบฉบับรถคลาสสิกของฝรั่งเศส ท่อบนขนานพื้น นิยมขี่แบบเต็มไซส์ เมื่อยืนคร่อม ท่อบนจะต่ำกว่าค่าStand-Over Height เล็กน้อย รถสมัยนั้นมองดูแล้วหลักอานโผล่มาค่อนข้างน้อย ท่อบนที่ยาวกว่าปกติเพื่อรองรับแฮนด์แบบซิตี้ที่ปลายแฮนด์เยื้องกลับมาด้านหลัง ทำให้นั่งสบาย แต่หากต้องการใช้กับแฮนด์หมอบ อาจต้องเลือกเฟรมที่มีขนาดเล็กกว่าปกติหนึ่งไซส์
ในโมเดลปี 2011 Polyvalent V2 ตะเกียบจะถูกแกไขให้โค้งงอมากขึ้น เพิ่มขนาดของท่อล่างให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรับน้ำหนักได้มากขึ้น มีการเพิ่มที่ยึดสับถังบริเวณท่อล่าง และมีรูสำหรับติดตะแกรง เพื่อให้นำไปใช้งานแบบทัวริ่งได้ดียิ่งขึ้น

โมเดลล่าสุดปี 2014 Polyvalent MK3 ตัวถังเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน เพิ่มตำแหน่งยึดขากระติกเป็นสามจุด และตัวรั้งสายเบรกหลัง(cable hanger)พร้อมเพิ่มตัวปรับสาย(adjuster) เข้าไปด้วย
http://velo-orange.blogspot.com/2009/10/size-cm-c-t-t-seat-tube-incl.html
http://velo-orange.blogspot.com/2011/08/new-polyvalent-650b-frame.html
http://velo-orange.blogspot.com/2009/12/polyvalent-frames-arrive.html
0 comments:
Post a Comment