"On the rivet"
สำนวนของนักปั่นสายแข่งฝรั่งที่นิยมใช้กันบ่อยๆ ซึ่งหมายถึงการใช้ความพยายามที่จะขับดันพลังในตัวออกมาให้เกินขีดจำกัดของร่างกาย เพื่อชัยชนะ สำนวนนี้มีมาตั้งแต่ยุคที่นักปั่นอาชีพเลือกใช้อานหนัง Brooks เป็นอุปกรณ์คู่จักรยานคันเก่ง
เมื่อจะฉีกหนีคู่แข่งก็ต้องเลื่อนตัวออกมาให้อยู่ด้านหน้าของอานนั่ง ตรงตำแหน่งจมูกอาน เพื่อให้มีแรงขับเคลื่อนสูงสุด ตรงนี้จะมีหมุดที่ตอกยึดแผ่นหนังไว้กับโครงจักรยาน อันเป็นที่มาของสำนวนที่หลายคนคุ้นหูถึงปัจจุบัน
สิ่งที่น่าสนใจก็คือว่า เขาใช้อาน Brooks สำหรับการแข่งจักรยานอาชีพกันหรือ ทุกวันนี้เราพบนักปั่นสายเดินทางท่องเที่ยวเท่านั่นที่เลือกใช้อาน Brooks ไม่เห็นนักปั่นอาชีพเลือกใช้กัน แต่เมื่อถอยหลังไปเกือบ 90 ปีก่อน ผลิตภัณฑ์ จากเมือง เบอร์มิ่งแฮม แห่งเกาะอังกฤษ จะพบเห็นได้แทบกับจักรยานทุกคันขิงนักปั่นที่เข้าแข่งขันระดับอาชีพ รวมไปถึงนักปั่นระดับตำนานอย่าง Eddy Merckk และ Fausto Coppi นักปั่นเหล่านี้อาจจะเปลี่ยนจักรยานคันแล้วคันเล่า ในการแข่งขันปีต่อปี แต่สิ่งหนึ่งที่ติดตัวไปกับนักปั่นไม่ยอมเปลี่ยนคืออานหนังที่ปรับตัวเข้ากับเจ้าของ จนนั่งสบายที่สุด ซึ่งเป็นหนึ่งในปรัชญาของ Brooks ที่ทำให้เป็นอานที่ปรับตัวเข้ากับเจ้าของและไม่ยอมเปลี่ยนไปตามจักรยานคันใหม่
Mark Needham ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Brooks ให้ข้อมูลถึงอานรุ่น Champion ที่ถูกเลือกใช้อย่างกว้างขวางในยุคนั่นไว้
ปี 1925 เราจะเห็นภาพ Eugene Christophe ใช้อานBrooks บนจักรยานที่เข้าแข่งขัน Tour de France ยุคนั้นย่อมต่างกับยุคปัจจุบัน ที่ความต้องการของนักปั่นเน้นไปที่ความสบายของร่างกายมากกว่าเน้นความเบาของอุปกรณ์ การแข่งขันTour de France ครั้งแรกในปี 1903 จนล่วงมาถึงปี 1930 นักปั่นอาชีพจะใช้รถเกียร์เดียว โครงรถทำจากเหล็ก ปั่นระยะทางที่ไกลอย่างเหลือเชื่อ เราอาจจะไม่รู้ถึงความรู้สึกของการใช้จักรยานในยุคนั้นนัก ว่ารถแบบนั้นจะปั่นไปได้อย่างไร สิ่งที่นักปั่นต้องการเพื่อลดความเจ็บปวดก็คืออานของ Brooks แต่นักปั่นยุคปัจจุบัน ยอมเลือกความทรมานเพื่อให้น้ำหนักของรถลดลง 200 กรัม


ยุคนั้นอานรุ่น Team Pro ซึ่งยังเดินสายการผลิตมาจนถึงปัจจุบันได้รับความนิยมมาก รุ่นนี้จะใช้หมุดทองแดงที่ตอกด้วยค้อนจากแรงงานมนุษย์ แม้จะมีการพัฒนาให้ใช้หมุดเหล็กเหล็กขนาดเล็กและทำให้น้ำหนักลดลงกว่า แต่หมุดทองแดงได้รับความนิยมมากกว่าในหมู่นักปั่นอาชีพ เพราะความสบายที่เหนือกว่าจากตัวหมุดที่บานและเรียบกลืนไปกับผืนหนัง
ทุกวันนี้อานBrooks จะเหมาะกับการปั่นทางไกลรอบโลก การแข่งขันระยะทางมากกว่า 250 ไมล์ เราจะไม่พบเห็นนักแข่งอาชีพเลือกใช้อาน Brooks แต่ก็เป็นไปได้หากเทคโนโลยีได้พัฒนาให้น้ำหนักส่วนอื่นของรถเบาขึ้นๆ แต่ UCI ซึ่งเป็นองค์กรจัดการแข่งขัน ไม่ยอมเปลี่ยนกฏเกณฑ์ในด้านน้ำหนักลด ในน้อยลงตามเทคโนโลยี นักปั่นอาชีพอาจเลือกอานBrooks มาติดรถ เพื่อให้น้ำหนักโดยรวมไม่ต่ำกว่าข้อกำหนด Needham กล่าวติดตลก
ช่วงปี 1960s และ 1970s มีการผลิตอานจากไต้หวันมากขึ้น ทำให้ Brooks หายไปจากสนามมืออาชีพ แต่ปัจจุบัน Brooks ได้เป็นสปอนเซอร์ให้กับบางรายการแข่ง เช่นการแข่งขัน Cyclo-cross ที่นักปั่นเลือกใช้อานรุ่น Cambium ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ใช้วัสดุจากยางธรรมชาติ และผ้าฝ้าย ที่กันน้ำ อานรุ่นนี้เหมาะกับการแข่งขันในยุคปัจจุบัน รูปทรงจะเป็นแบบดั้งเดิม ไม่ต้องรอช่วงเวลา Break in ทำให้นั่งสบายตั้งแต่เริ่มใช้ รูปทรงคล้ายแปลที่นั่งสบาย อาจเป็นวงจรที่ Brooks เริ่มกลับไปสู่สนามแข่งอาชีพอีกครั้งเหมือนยุครุ่งเรื่องเมื่อ ครึ่งร้อยปีก่อนก็เป็นได้

ไบค์คาเฟ่ หลายปีเราเป็นผู้นำในการบุกเบิกตลาด Brooks ในประเทศไทย จนเป็นที่รู้จักและยอมรับในหมู่ผู้ใช้จักรยานทัวร์ริ่งอย่างกว้างขวาง แม้เราจะเงียบๆไป ตามสถานะการณ์การแข่งขันที่รุนแรง แต่เรายังจำหน่าย Brooks อยู่ด้วยความศรัทราในตำนาน และคุณภาพ ผู้สนใจความเป็นมา การใช้งาน ลองติดตามจากกระทู้สุดคลาสสิคของเราในเวป ThaiMTB
ขอบคุณสาระดีๆ
ReplyDelete